The World from Mobile First, Cloud First…to AI First


Featured Insights

เมื่อไม่นานมานี้โลกได้ปรับตัวเข้าสู่ยุค Mobile First, Cloud First ที่ผู้คนต่างทำกิจกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือและ Cloud ไม่ว่าจะเป็นติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ทำงานผ่าน Cloud หรือแม้กระทั่งซื้อข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และจ่ายเงินผ่าน mobile app

ปัจจุบันโลกกำลังเปลี่ยนผ่านอีกครั้งเข้าสู่ยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นโดยที่หลายคนอาจไม่ทันตั้งตัว หลายกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเราล้วนมี AI เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น เช่น

8 โมงเช้า ถึงที่ทำงาน – สามารถเดินเข้าออฟฟิศได้ด้วยระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) โดยบริษัทสามารถบันทึกหน้าของพนักงานและเชื่อมโยงกับระบบเปิดปิดประตู เพื่อสั่งการเปิดประตูให้กับบุคคลที่จำหน้าได้ว่าเป็นพนักงานแทนการแตะบัตรหรือแสกนลายนิ้วมือ ซึ่งนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการเข้าออกแล้ว ยังสามารถวิเคราะห์อารมณ์ (Emotion Detection) บ่งบอกลักษณะทางกายภาพ (เช่น อายุ เพศ การแต่งกาย ฯลฯ) และเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบปฏิบัติการอื่นๆ เช่น ปฏิทินตารางงาน เพื่อแจ้งเตือนตารางการประชุมให้พนักงานทราบทันทีที่มาถึง

10 โมง นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ – สามารถนำเทคโนโลยี Business Intelligence (BI) & Predictive Analytics มาช่วยประมวลผลข้อมูลและแสดงผลออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น กราฟ แผนภูมิ แผนภาพ แผนที่ ตาราง ฯลฯ นอกจากนี้ยังสามารถนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งข้อมูลแบบที่มีโครงสร้างชัดเจน (Structured Data) เช่น ข้อมูลสถิติ ข้อมูลการทำธุรกรรม และข้อมูลแบบที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Date) เช่น รูปภาพ วิดีโอ เสียง เป็นต้น เพื่อพยากรณ์แนวโน้มในอนาคต

บ่าย 2 ขับรถออกไปหาลูกค้า – สามารถนำระบบวิเคราะห์ใบหน้า (Face Analytics) มาติดตั้งบนรถเพื่อช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัย โดยระบบจะตรวจวัดอากัปกิริยาต่างๆ ของกล้ามเนื้อใบบนหน้าของคนขับรถ และหากวิเคราะห์ได้ว่ากำลังแสดงอาการง่วงนอน หรือขับรถเร็วผิดปกติ หรือถูกเบี่ยงเบนความสนใจ ก็จะรีบส่งสัญญาณเตือนเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทันที

บ่าย 4 คุยงานที่ร้านกาแฟ – สามารถสั่งขนมและเครื่องดื่มผ่านทางหุ่นยนต์สนทนาอัจฉริยะ (AI Chatbot) ที่ช่วยแนะนำเมนูยอดนิยมสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมถึงรับออเดอร์ตามความต้องการส่วนตัวของแต่ละคน เช่น หวานน้อย ใส่นมพร่องมันเนย ฯลฯ พร้อมส่งต่อไปยังแผนกจัดเตรียมอาหารเพื่อเสิร์ฟลูกค้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำและประทับใจ

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่า AI ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของทุกคนจนอาจกล่าวได้ว่าโลกของเราได้กลายเป็นโลกยุค “AI First” อย่างเต็มตัวแล้ว และด้วยเหตุนี้ภาคธุรกิจจึงเริ่มตื่นตัวที่จะนำ AI มาใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามหลายครั้งที่องค์กรอยากจะนำ AI มาประยุกต์ใช้ แต่ก็ยังไม่แน่ใจหรือยังพบอุปสรรคปัญหาต่างๆ จึงต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยแนะนำวางแผนเพื่อทำให้ไอเดียออกมาเป็นจริง

Marketeer ได้มีโอกาสคุยกับ FRONTIS หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในด้านการวางแผนกลยุทธ์ (Strategy Consulting) และการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในองค์กร (Digital Transformation) ซึ่งได้ให้มุมมองเกี่ยวกับปัจจัยสู่ความสำเร็จ 4 ประการที่จะช่วยให้องค์กรปรับตัวเข้าสู่ยุค AI First ได้อย่างประสบความสำเร็จและยั่งยืน

FRONTIS

ปัจจัยที่ 1 Technology Platform คือ การเลือกเทคโนโลยีที่มีขีดความสามารถตอบโจทย์ความต้องการและมีความยืดหยุ่น ซึ่งเทรนด์ของเทคโนโลยีสมัยใหม่จะเน้นไปในรูปแบบแพลตฟอร์มเพื่อส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดซึ่งกันและกัน และพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างคล่องตัว

ปัจจัยที่ 2 Blueprint & Roadmap คือ การมีพิมพ์เขียวและแผนที่นำทางในการพัฒนาระบบเพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน การปรับตัวเข้าสู่ยุค AI ไม่ใช่การมองหาโซลูชั่นส์เพื่อตอบโจทย์ระยะสั้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับ Digital Strategy เพื่อกำหนดกลยุทธ์เป้าหมายที่ชัดเจน มีแผนการดำเนินงานที่คอยกำกับให้งานเดินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุดแม้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงระหว่างทาง

FRONTIS

ปัจจัยที่ 3 Agile Mindset คือ การแบ่งงานชิ้นใหญ่ออกเป็นชิ้นย่อยๆ แล้วเลือกส่วนที่มีความสำคัญและมีผลกระทบสูงมาดำเนินการก่อน ซึ่งโดยปกติเราอาจคุ้นชินกับลักษณะการทำงานที่ต้องทำขั้นตอนแรกให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนจึงจะลงมือทำขั้นตอนถัดไป แต่สำหรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค Mobile First, Cloud First มาจนถึง AI First การมี Agile Mindset กลับให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเป็นรูปธรรมมากกว่าการทำงานแบบหน้ากระดานที่เน้นพัฒนาทุกส่วนไปพร้อมกันทั้งหมด

ปัจจัยที่ 4 Change Leadership คือ การเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และยอมรับการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาทางเทคโนโลยีจะไม่เกิดประโยชน์เลยหากเราไม่เรียนรู้ที่จะนำไปใช้จริง ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตประจำวันหรือในการทำงาน โดยการมี Change Leadership นั้นไม่จำเป็นจะต้องมาจากผู้บริหารขององค์กรเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจุดนี้นับเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการปรับตัวเข้าสู่ยุค AI First และโลกในอนาคตอีกด้วย

FRONTIS

การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีเต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจและปรับตัวให้ทัน ในขณะที่เราทุกคนซึมซับการเปลี่ยนแปลงจากการที่ AI ค่อยๆ เข้ามีบทบาทในชีวิตประจำวัน แต่หากมองในภาพกว้างแล้วการปรับตัวเข้าสู่ยุค AI First ไม่ได้เป็นแค่โจทย์ระดับบุคคลแต่เป็นโจทย์สำคัญของประเทศที่ต้องก้าวไปข้างหน้า เพื่อให้ทัดเทียมกับระดับสากลและแข่งขันได้ในโลกยุคดิจิทัลต่อไป

FRONTIS